วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550

คุมกำเนิด ยามกำหนัด

เมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขายหญิงขึ้นมา พระองค์ได้กำหนดให้ช่วยกันทำงานสำคัญอย่างหนึ่ง งานที่ว่านั้นก็คือ การผลิตลูกหลานเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ และเพราะงานที่ว่าต้องช่วยกันทำ เราจึงเรียกว่า “ร่วมเพศ” ไงล่ะครับ มีบางคนอาจจะเถียงว่า เดี๋ยวนี้ไม่เห็นต้องร่วมเพศก็ท้องได้ ก็จริงครับแต่มันผิดธรรมชาติไปหน่อย และไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่หรอกครับ
การร่วมเพศเป็นเรื่องที่ต้องใช้แรงงานและเหนื่อยไม่น้อย ทั้งสองฝ่ายใครที่เคยทำงานนี้มาแล้วคงจะเข้าใจ ส่วนคนที่ยังไม่มีโอกาสทำงานนี้หรือหมดโอกาสที่จะทำงานนี้สงสัยต้องจินตนาการเอาเองก็แล้วกัน ว่ามันจะหนักหนาซักเพียงไหน เพื่อให้คนอยากทำงานนี้ พระเจ้าจึงให้รางวัลคือความรู้สึกเสียวซ่านหฤหรรษ์แถมมาด้วยในทุกครั้งที่ทำงาน หลายคนเลยติดใจของแถมอยากทำงานนี้ไม่เลิก ทำงานกับคนนี้แล้ว ยังอยากจะไปทำกับคนนู้นอีก บางคนทำแล้วกลัวคนจะไม่รู้เลยอัดวิดีโอไว้ให้คนอื่นดูด้วยก็มีว่าทำจริงนะโว้ย ไม่ใช่แค่คุย แต่พอคนรู้มากเข้าทำไมอายแทบแทรกแผ่นดินหนีก็ไม่รู้
เนื่องจากผลของการร่วมเพศคือการมีลูก ซึ่งเดี๋ยวนี้หลายคนไม่อยากได้ เพราะกว่าจะเลี้ยงให้โตแต่ละคนก็แทบรากเลือด บางคนแค่เลี้ยงตัวเองก็แทบจะไม่รอดอยู่แล้ว แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี อยากสนุกสุขสรรหรรษาก็อยาก กลัวมีท้องก็กลัว เพื่อจะแก้ปัญหานี้คนเราจึงหาทางออกที่จะมีเพศสัมพันธ์ให้ได้รับความสุขโดยไม่ต้องกังวลเรื่องมีลูก ทางออกที่ว่าก็คือ การคุมกำเนิดนั่นเอง
เมื่อพูดถึงการคุมกำเนิด ส่วนมากทุกคนก็จะรู้สึกคุ้นๆ กันอยู่แล้ว แต่พอต้องใช้กับตัวเอง ผมพบว่ามั่วเยอะ ทำให้หลายคนตั้งท้องทั้งๆ ที่ยังคุมกำเนิดอยู่ก็มี ดังนั้นก่อนจะคุมกำเนิดด้วยวิธีใดก็ตาม ผมอยากแนะนำให้ทำความเข้าใจกับมันให้ดีก่อนนะครับ
วิธีการคุมกำเนิดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว กับ การคุมกำเนิดแบบถาวร วิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราวใช้ในคนที่ตอนนี้ยังไม่พร้อมหรือไม่อยากตั้งท้องแต่อยากมีเพศสัมพันธ์ ส่วนในอนาคตยังไม่แน่อาจจะอยากท้องอีกก็ได้ ส่วนวิธีคุมแบบถาวรมักใช้ในรายที่ตัดสินใจแล้วว่า ไม่ต้องการตั้งท้องอีกแล้ว แต่ยังอยากมีเพศสัมพันธ์ คุมกำเนิดแบบชั่วคราว
การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวมีมากมายหลายวิธี แต่ละวิธีมีประสิทธิภาพแตกต่างกันออกไป ผมอยากจะเล่าบางวิธีที่ใช้กันบ่อยๆ
หลั่งข้างนอก
ทำโดยขณะที่มีเพศสัมพันธ์ช่วงที่ใกล้จะถึงจุดสุดยอด ผู้ชายก็จะต้องดึงอวัยวะเพศออกมาแล้วให้มีการหลั่งน้ำอสุจิภายนอกร่างกาย เพื่อไม่ให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ วิธีนี้เชื่อถือไม่ค่อยได้หรอกครับ เพราะช่วงเวลาใกล้ถึงจุดสุดยอดเป็นช่วงเวลาที่กำลังหน้ามืดนึกอะไรไม่ออกแล้ว หลายคนเลยชักอาวุธออกไม่ทัน
ถ้าชักออกทันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ท้องนะครับ เพราะช่วงที่กำลังมีเพศสัมพันธ์อยู่ จะมีการสร้างน้ำเมือกออกมาจากปลายอวัยวะเพศชาย ซึ่งอาจมีเชื้ออสุจิปนออกมาบ้างแล้วก็ได้ ถึงแม้จะชักอาวุธกลับทันแต่อสุจิจอมทรหดก็อาจจะหนีเข้าไปในช่องคลอดแล้วก็ได้
การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้นอกจากประสิทธิผลต่ำแล้ว ยังมีผลต่ออารมณ์ขณะร่วมเพศด้วย เพราะฝ่ายชายต้องคอยระวังที่จะรีบชักอาวุธกลับ ทำให้หมดอารมณ์ เหมือนกับกินข้าวอิ่มแต่ไม่อร่อยยังไงอย่างงั้น
ให้ลูกกินนมแม่
เวลาลูกดูดนมแม่จะกระตุ้นสมองแม่ให้หลั่งฮอร์โมนออกมาตัวหนึ่งที่ชื่อว่าโปรแล็กติน (Prolactin) มาที่เต้านมให้ปล่อยน้ำนมออกมา ขณะเดียวกันฮอร์โมนตัวนี้จะกลับไปสั่งการที่สมองไม่ให้สร้างฮอร์โมนมากระตุ้นให้ไข่ตกด้วย ผลดังกล่าวจึงทำให้แม่ที่ให้ลูกกินนมไม่มีไข่ตก ดังนั้นแม้จะมีเพศสัมพันธ์ก็จะไม่ท้อง ฟังดูแล้วอาจงงๆ แต่ไม่ต้องสนใจมากหรอกครับ เอาแค่ว่ามันกระตุ้นกันไปกระตุ้นกันมาอย่างนี้ก็แล้วกันครับ
จากข้อมูลข้างต้นหลายคนเลยพูดว่า ถ้าให้ลูกกินนมแม่จะคุมกำเนิดได้ด้วย ซึ่งก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ถ้าจะให้มีผลจริงๆ ต้องให้ลูกดูดนมบ่อยๆ ดูดถี่ๆ และดูดแรงๆ ด้วย มิฉะนั้นปริมาณฮอร์โมนที่ถูกกระตุ้นจะไม่สูงมากพอที่จะไปยับยั้งไม่ให้ไข่ตก
ฉะนั้นถ้าใครคิดที่จะคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้อย่างเดียวก็ขอเรียนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยกเว้นจะเอาพ่อมาช่วยดูดนมแม่อีกแรงหนึ่ง ก็อาจทำให้นมไหลดีขึ้นและกระตุ้นฮอร์โมนไปยับยั้งการตกไข่ได้ดีขึ้นด้วย แต่ลองนึกภาพดู ถ้าพ่อกับลูกดูดนมแม่พร้อมกันคนละข้าง สงสัยจะเหมือนแม่หมูเลี้ยงลูกแหงเลย
คุมกำเนิดด้วยวิธีนี้มักได้ผลไม่เกิน 6 เดือนหลังคลอดเท่านั้น เลยระยะนี้ไปแล้วฮอร์โมนที่มีจะลดระดับลงมาก ไม่ว่าจะดูดนมแม่อย่างไรก็กระตุ้นฮอร์โมนไม่ค่อยจะไหวแล้ว ถ้ายังไม่รีบหาวิธีคุมกำเนิดอย่างอื่นมีหวังท้องได้ง่ายๆ
ถุงยางอนามัย
การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้แพร่หลายและรู้จักกันดี แต่ไอ้ที่ว่ารู้จักกันดีนี้หลายคนก็ยังใช้ไม่ถูกวิธีก็มี
การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อคุมกำเนิดเป็นเรื่องน่ารำคาญใจของบางคนไม่น้อย เพราะจะใส่ถุงยางได้ต้องรอให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวเสียก่อนจึงจะสวมได้ ไม่งั้นก็หลุดหรือใส่ไม่ได้ ช่วงที่อวัยวะเพศกำลังแข็งตัวอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายก็มักกระเจิดกระเจิงไปแล้ว เมื่อต้องมาหยุดกะทันหันเหมือนรถถูกเหยียบเบรกเพื่อใส่ถุงยาง ซึ่งเสียเวลาไม่น้อย บางรายไม่เตรียมถุงยางให้พร้อมอาจต้องมาควานหา ยิ่งเซ็งหนักเข้าไปอีก บางคนเลยหมดอารมณ์ไปก็มี
นอกจากปัญหาตอนใส่แล้ว ตอนจะชักออกก็ต้องรีบด้วย จะมัวแต่นอนแช่จนอวัยวะเพศอ่อนตัว ถุงยางอาจจะหลุดและทำให้น้ำเชื้อเข้าไปในช่องคลอดได้เหมือนกัน
สำหรับผู้ชายเวลามีเพศสัมพันธ์โดยใส่ถุงยางด้วยนั้น ความรู้สึกสัมผัสในบางคนอาจจะลดลงหรือเสียอารมณ์ไปบ้าง ในปัจจุบันบริษัทที่ผลิตถุงยางจึงพยายามปรับปรุงการผลิตถุงยางให้ดูน่าใช้และเพิ่มสีสันเพิ่มรสชาติมากขึ้น ถุงยางหลายยี่ห้อจึงมีรูปร่างแปลกๆ มีปุ่ม มีลอน บางชนิดมีกลิ่นหอม แถมบางชนิดมีสารเรืองแสง เวลาร่วมเพศเหมือนเอาไฟฉายส่องเข้าไปในถ้ำก็มี ต่อไปไม่รู้ว่าจะผลิตแบบแปลกๆ อะไรออกมาอีก ใครที่สนใจก็คอยติดตามเอาก็แล้วกันครับ
ในปัจจุบันวงการแพทย์มักรณรงค์ให้ชายไทยใช้ถุงยางกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า เพราะถุงยางสามารถป้องกันโรคติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะโรคเอดส์ได้ค่อนข้างดี
ห่วงคุมกำเนิด
เวลาคนเราตั้งท้อง ลูกที่จะเกิดขึ้นมาต้องเจริญเติบโตอยู่ภายในมดลูก จากความจริงนี้ จึงมีคนคิดวิธีไม่ให้ผู้หญิงตั้งท้องโดยเอาสารอะไรก็ได้ยัดเข้าไปในโพรงมดลูกไปขวางไว้ไม่ให้ตัวอ่อนที่เกิดจากการผสมพันธุ์มาฝังตัวได้ ความคิดนี้มีมานานนับพันปีแล้ว มีบันทึกตั้งแต่สมัยกรีกโบราณว่า ชาวอาหรับและเติร์กเอาก้อนกรวดใส่เข้าไปในมดลูกอูฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ตั้งท้องขณะเดินทางในทะเลทรายเป็นเวลานานๆ
ห่วงคุมกำเนิดที่ใช้กับคนทำจากแท่งพลาสติก โดยมีรูปร่างมากมายหลายร้อยแบบ เช่น รูปโล่ รูปแมลง รูปตัวที (T) รูปเลข 7 บางชนิดมีหางคล้ายแส้ก็มี บางชนิดมีลวดทองแดงพันด้วย และบางทีก็เอาฮอร์โมนบางชนิดมาเคลือบด้วยก็มี เรียกว่าทำกันทุกรูปแบบเพื่อไม่ให้ท้องไงละครับ
การใส่ห่วงอนามัยทำได้ง่ายมาก แต่คุณหมอตรวจภายในหาตำแหน่งของมดลูกเรียบร้อยก็ใส่ได้เลย ใช้เวลาแค่ 2-3 นาทีเสร็จ หลังจากนั้นห่วงคุมกำเนิดก็จะคาอยู่ในโพรงมดลูก การจะใส่ห่วงนานเท่าไรขึ้นอยู่กับชนิดของห่วงที่ใช้ บางชนิดมีอายุการใช้งานแค่ 3 ปีก็ต้องเปลี่ยนแล้ว ในขณะที่บางชนิดอาจมีอายุการใช้งานได้ถึง 10 ปีก็มี
ภายหลังการใส่ห่วง ส่วนมากก็ไม่ต้องทำอะไรต่อ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจ แค่คอยมาตรวจปีละครั้งเพื่อจะได้รู้ว่าห่วงยังอยู่ดีมีสุขในมดลูกนะ บางคนใส่แล้วลืมไปเลยไม่เคยมาตรวจอีกก็มี ถ้าโชคดีไม่มีปัญหาก็แล้วไป แต่ถ้าโชคไม่ดีมีปัญหาอาจแก้ไขได้ล่าช้า
ปัญหาที่ว่า เช่น ห่วงที่ใส่ทิ่มเข้าไปในผนังมดลูก ห่วงบิดไปอยู่ผิดตำแหน่ง ห่วงทะลุเข้าไปในช่องท้อง หรือห่วงหลุด บางรายก็ไม่ถึงกับหลุดแต่เลื่อนลงมาคาที่ปากมดลูก เวลาสามีร่วมเพศด้วยจะเจ็บเหมือนมีเข็มมาตำปลายอวัยวะเพศ แค่คิดก็เสียวแล้วละครับ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พูดมาทั้งหมดก็ไม่ได้พบบ่อยนักหรอกครับ อย่าไปกังวลมากนักเลยนะครับ
ยาเม็ดคุมกำเนิด
ทำโดยเอาฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน มาผสมกันแล้วผลิตออกมาเป็นเม็ดยาแล้วนำไปใส่แผงประมาณ 21-28 เม็ดต่อแผง เวลาใช้ต้องกินทุกเดือนเดือนละแผง ฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้ แต่ละชนิดยังมีชนิดย่อยอีกมากมาย และขนาดที่นำมาผสมกันก็มีมากมายหลายขนาดเช่นกัน
การที่ต้องทำเช่นนี้ ก็เพื่อจะได้เลือกใช้ให้เหมาะกับผู้หญิงแต่ละคนที่ตอบสนองต่อยาไม่เท่ากัน เช่น บางคนกินยาบางชนิดแล้วแพ้มาก คลื่นไส้ ปวดหัว ในขณะที่คนอื่นไม่มีอาการดังกล่าวก็ได้ เป็นเรื่องตัวใครตัวมันครับ ยาคุมที่มีขายมากมาย ไม่รู้กี่ยี่ห้อในท้องตลาดก็เพราะมีส่วนผสมของยาต่างกันนั่นเอง
ในปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ผลิตยาคุมโดยใส่ฮอร์โมนที่นอกจากจะคุมกำเนิดได้แล้ว ยังทำให้เต้านมโตขึ้น สิวน้อยลง หรือผิวพรรณดีขึ้นด้วย ผู้หญิงหลายคนจึงไปซื้อมากินโดยหวังผลที่จะเสกไข่ดาวให้เป็นแตงโมแทนที่จะหวังผลในการคุมกำเนิดก็มี
หลายคนอาจสงสัยว่า ยาคุมทำให้ไม่ท้องได้อย่างไร ? คำตอบก็คือ ยาซึ่งเป็นฮอร์โมนดังกล่าวข้างต้นจะไปยับยั้งสมองไม่ให้สร้างฮอร์โมนตัวอื่นมากระตุ้นให้ไข่ตก ขณะเดียวกันก็จะทำให้มูกปากมดลูกเหนียวทำให้เชื้ออสุจิวิ่งฝ่าด่านเข้าไปผสมกับไข่ในท่อนำไข่ได้ยาก ผลโดยรวมจึงทำให้ไม่ท้อง
เนื่องจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ต้องกินยาทุกวัน วันละเม็ดไปเรื่อยๆ ดังนั้นคนที่จะเลือกใช้วิธีนี้จึงควรจะเป็นคนที่มีระเบียบวินัยกับตัวเองมากพอควร ต้องไม่ขี้ลืม สำหรับคนที่ชอบจำแต่เรื่องของชาวบ้านแต่เรื่องตัวเองจำไม่ค่อยได้ หรือมีธุรกิจวุ่นวายจนหาเวลาแน่นอนให้กับตัวเองไม่ได้ สงสัยจะไม่รุ่งแน่ถ้าคิดจะคุมด้วยวิธีนี้ การกินยาคุมเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ไว้ใจได้ดีเลยทีเดียวถ้าใช้ถูกวิธี ไม่ลืม
ผมมีข้ออยากจะเตือนสักเล็กน้อยว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าซี้ซั้วซื้อยาคุมมากินเอง เนื่องจากยาคุมกำเนิดทำมาจากฮอร์โมนดังกล่าวมาแล้ว ฮอร์โมนที่ว่านี้สามารถกระตุ้นให้โรคบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคตับ เลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก หรือก้อนที่เต้านมกำเริบได้ ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจว่าคุณมีโรคเหล่านี้หรือไม่ หาหมอก่อนปลอดภัยกว่าครับ
ยาฉีดคุมกำเนิด
กลไกที่ทำให้ไม่ท้องคล้ายกับยาเม็ดคุมกำเนิด เพียงแต่ยาฉีดมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงตัวเดียว ข้อดีของยาเม็ดคือ ฉีดยาที่สะโพกเข็มเดียว คุมกำเนิดได้นานถึง 3 เดือน การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับพวกขี้ๆ ทั้งหลาย เช่น ขี้เกียจกินยา ขี้ลืม ขี้เบื่อ
ข้อเสียของการคุมด้วยวิธีนี้ก็คือ จะทำให้ระบบการมีประจำเดือนรวนไปหมด บางคนจากประจำเดือนอาจกลายเป็นประจำปี เพราะไม่มาเลย บางคนก็มากะปริดกะปรอยทุกวันน่ารำคาญ
เวลาจะมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้หมดอารมณ์ไปเลย บางคนก็น้ำหนักขึ้นมาก จนสามีตกใจนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนที่เป็นเมียเรากลายเป็นหมูหรืออึ่งอ่างไปได้ยังไงวะ บางคนฉีดแล้วมีฝ้าขึ้นจนเหมือนใส่หน้ากากก็มี
ยาฝังคุมกำเนิด
ทำโดยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนใส่เข้าไปในหลอดพลาสติกขนาดเล็กๆ เท่าก้านไม้ขีดแล้วเอาไปฝังไว้ที่ต้นแขน ยาที่อยู่ในหลอดพลาสติกจะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ กว่าจะหมดฤทธิ์ในการคุมกำเนิดก็นานถึง 3-5 ปีเลยทีเดียว ผลข้างเคียงจากยาฝังคุมกำเนิดไม่ได้ต่างจากยาฉีดคุมกำเนิดเลยครับ
ยาแปะคุมกำเนิด
การคุมกำเนิดชนิดนี้เป็นวิธีคุมกำเนิดที่เพิ่งจะมีเข้ามาในเมืองไทยไม่นานนี้ ยาแปะคุมกำเนิดก็คือการนำเอาฮอร์โมนใส่เข้าไปในแผ่นยาที่มีลักษณะคล้ายพลาสเตอร์ปิดแผล เวลาจะใช้ก็เพียงแต่เอาแผ่นยาไปปิดตามที่ต่างๆ ของร่างกายตรงไหนก็ได้ เช่น ต้นแขน ต้นขา สะโพก เหนือหัวหน่าว ไหล่ หลัง แผ่นยาแต่ละแผ่นมีฤทธิ์คุมกำเนิดได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ดังนั้นในแต่ละเดือนจึงต้องเปลี่ยนแผ่นยาทุกสัปดาห์ แล้วแปะแผ่นใหม่ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ หยุด 1 สัปดาห์ ซึ่งช่วงที่หยุดยามักจะมีประจำเดือนมาพอดี
การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบที่จะต้องกินยาทุกวัน หรือคนที่กลัวผลข้างเคียงจากยาฉีดคุมกำเนิด หรือยาฝังคุมกำเนิด เนื่องจากยาตัวนี้เพิ่งมีใช้ในบ้านเราไม่นาน จะเป็นที่โปรดปรานของหญิงไทยมากน้อยเท่าไรสงสัยคงต้องติดตามกันต่อไป แต่ก็นับว่าเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
เรื่องราวเกี่ยวกับการคุมกำเนิดยังไม่หมดลงแค่นี้ครับ คุณผู้อ่านที่สนใจติดตามอ่านต่อตอนจบในฉบับหน้าครับ
(update 15 มีนาคม 2006)[ ที่มา..นิตยสารรักลูก ปีที่ 23 ฉบับที่ 268 พฤษภาคม 2548]

ไม่มีความคิดเห็น: