วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550

คุมกำเนิด ยามกำหนัด (จบ)





คุมกำเนิด..ยามมมม..กำหนัด



ใน “รักลูก” ฉบับที่แล้ว ผมได้เขียนเกี่ยวกับการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว ชนิดต่างๆไปแล้ว ในฉบับนี้จะขอกล่าวถึงการคุมกำเนิดอีก 2 ชนิด คือ การคุมกำเนิดแบบถาวร และ คุมกำเนิดแบบฉุกเฉินครับ

คุมกำเนิดแบบถาวร..ไม่มีท้อง


การคุมกำเนิดชนิดนี้ ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่าคือคุมแล้วต้องไม่ท้องอีก แม้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์อีกกี่ครั้งกี่หนก็ตาม การคุมกำเนิดแบบถาวรที่ดีที่สุดก็คือ การทำหมันนั่นเองล่ะครับ ซึ่งจะทำในผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้


ก่อนจะพูดถึงการทำหมัน ผมอยากอธิบายเกี่ยวกับระบบอวัยวะสืบพันธ์ของ ผู้ชายและผู้หญิงให้เข้าใจกันก่อนเพราะจากประสบการณ์ที่ดูแลคนไข้มาไม่น้อยพบว่าเอาเข้าจริงๆ ส่วนมากไม่รู้จริง พอไม่รู้มักเข้าใจผิด ยิ่งไปฟังคนที่ไม่รู้เรื่องเล่าให้ฟัง ยิ่งเข้าใจผิดกันใหญ่ ผลของความเข้าใจผิดทำให้เกิดความเชื่อผิดๆ กลัวผิดๆ และอะไรผิดๆ อีกเยอะจนบางคนเวลาหมอแนะนำให้ทำหมันเพราะมีลูกเยอะแล้วพูดเท่าไรก็ไม่ยอมทำ เพราะใจมันกลัวไปซะแล้ว ถ้าเข้าใจและยอมทำหมัน ก็ไม่ต้องทนคุมกำเนิดชั่วคราวไปอีกนาน แถมบางคนคุมไม่ดีตั้งท้องอีกยิ่งต้องทนทรมานเลี้ยงลูกอีกยาวเลย



  • ผู้ชาย..กับระบบสืบพันธุ์ของผม









ระบบนี้ประกอบด้วยอวัยวะอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ ที่เห็นชัดๆ ก็คือลูกอัณฑะซึ่งมีหน้าที่สร้างเชื้ออสุจิเอาไว้ผสมพันธุ์ให้เกิดมาเป๋นเด็ก และฮอร์โมนเพศชายชื่อ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เจ้าฮอร์โมนที่ว่าจะทำให้มีลักษณะของความเป็นชาย เช่น เสียงห้าว มีกล้ามเนื้อ มีขนขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย บางคนมีฮอร์โมนนี้มากๆ อาจมีขนทั่วตัวเหมือนลิงเลยก็มี


ลูกอัณฑะมี 2 ลูกห้อยโตงเตงอยู่ตรงหว่างขานั่นล่ะครับเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมมันต้องห้อยอยู่ตรงนั้น ความจริงมีอยู่ว่าตรงที่คนเราเป็นเด็กอยู่ในท้องแม่ ถ้าเป็นเด็กชายเมื่อในการสร้างลูกอัณฑะขึ้นมา ลูกอัณฑะ

จะอยู่ในช่องท้องของเด็ก แล้วจึงค่อยๆ เคลื่อนลงมาอยู่ในถุงที่อยู่ระหว่างขาที่เราเรียกว่าถุงลูกอัณฑะ


เด็กบางคนเกิดมาคลำถุงแล้วไม่มีลูกอัณฑะ (ที่เรียกว่าทองแดง) ก็มีครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าลูกอัณฑะน่าจะไม่เคลื่อนลงมา อาจจะไปแฝงอยู่ในท้องที่ใดที่หนึ่งก็ได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษาหรือผ่าตัดออก มีโอกาสเป็นมะเร็งตายได้นะครับ


การที่ลูกอัณฑะต้องมาหาที่อยู่นอกช่องท้อง เพราะโดยปกติอุณหภูมิของร่างกายคนเราจะประมาณ 37.2 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิขนาดนี้ถือว่าร้อนมากเลยนะครับ ถ้าลูกอัณฑะอยู่ในช่องท้องจะทำให้เชื้ออสุจิที่สร้างขึ้นมาตายหมดเพราะเชื้ออสุจิใจเสาะและทนความร้อนไม่ไหว ลูกอัณฑะจึงต้องมาทนห้อยเกะกะอยู่ระหว่างขาด้วยประการฉะนี้เองแหละครับ ทำไมมันไม่ไปห้อยไว้ที่ข้างหูหรือที่เอวก็ไม่รู้


ภายหลังมีการผลิตน้ำเชื้ออสุจิจากลูกอัณฑะโดยสะสมไว้ในท่อเล็กๆ ในลูกอัณฑะ เมื่อมีปริมาณมากพอและเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เชื้ออสุจิเหล่านี้จะเดินทางผ่านท่อขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่ในถุงลูกอัณฑะเช่นเดียวกันและเรียกชื่อว่า ท่ออสุจิ ท่อนี้จะเชื่อมต่อกับ ท่อปัสสาวะ ซึ่งใช้ถ่ายปัสสาวะด้วย เชื้ออสุจิที่ออกมาเมื่อมีเพศสัมพันธ์แต่ละครั้งมีปริมาณมากถึง 150 - 200 ล้านตัว แต่เกือบทั้งหมดตายเรียบ เหลือเพียงตัวเดียวที่จะสามารถเข้าไปผสมกับไข่ของผู้หญิงได้


ระหว่างทางที่อสุจิเดินผ่านท่ออสุจิไปยังท่อปัสสาวะจะมี ต่อมลูกหมาก ซึ่งสร้างของเหลวส่งเข้ามาในท่ออสุจิผสมกับตัวอสุจิ ทำให้อสุจิแข็งแรงขึ้น เหมือนได้รับเสบียงอาหารระหว่างเดินทางออกศึก ของเหลวที่ผสมกับเชื้ออสุจิที่เราเห็นเป็นน้ำสีขาวๆ ก็คือสิ่งที่เรียกกันว่า น้ำอสุจิ นั่นเองครับ



  • หมันของผมทำอย่างไรนะ?








จากที่เล่ามาข้างต้นจะเห็นว่าเชื้ออสุจิที่สร้างขึ้นมาจะเข้าไปผสมกับไข่ของผู้หญิงได้ จะต้องเดินผ่านท่ออสุจิดังนั้นถ้าเราตัดท่ออสุจิให้ขาดออกจากกันเหมือนระเบิดถนนให้ขาดออกจากกัน รถก็จะวิ่งไม่ได้ เชื้ออสุจิก็ออกไปผสมกับไข่ไม่ได้เหมือนกัน ผลดังกล่าวทำให้ไม่ท้อง การทำหมันชายที่เราพูดถึงกันก็คือการตัดท่อนำอสุจิที่ว่าให้ขาดออกจากกันนั่นแหละครับ


วิธีการทำหมันชายจริงๆ แล้วทำง่ายมาก โดยการเปิดแผลเล็กๆ ที่บริเวณถุงลูกอัณฑะ ก่อนเปิดแผลหมอจะฉีดยาชาก่อนจะได้ไม่เจ็บ จากนั้นหมอก็จะเอามือคลำว่าท่ออสุจิอยู่ตรงไหน เมื่อคลำได้แล้วก็ใช้มีดหรือกรรไกรไปตัดให้ขาดจากกันเท่านี้ก็เสร็จแล้ว ใช้เวลาทำแค่ 5 - 10 นาที



หลายคนอาจสงสัยว่าในเมื่อเชื้ออสุจิมันออกไปไม่ได้แล้ว มันไม่ขังอยู่เต็มในลูกอัณฑะเหรอ คำตอบคือไม่หรอกครับ เชื้ออสุจิใจเสาะครับ ถ้าไปไหนไม่ได้แป๊บเดียวมันก็ตายแล้ว และจะสลายตัวไปเองไม่เหลือคั่งค้างหรอกครับ


สิ่งที่ค้างใจอีกอย่างของผู้ชายที่จะทำหมันก็คือกลัวว่าทำหมันแล้วจะไม่มีอารมณ์เพศ หรือไม่มีเรี่ยวแรง ขอเรียนว่าการทำหมันชายก็คือการไปตัดท่อนำอสุจิให้ขาดออกจากกันเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้ แต่ถ้าเราควักเอาลูกอัณฑะออกทั้ง 2 ข้างอย่างนี้แหละถึงจะเป็นเรื่อง เพราะอย่างที่เรียนให้ทราบแล้วข้างต้นว่าลูกอัณฑะมีหน้าที่สร้างอสุจิและฮอร์โมนเพศชาย ถ้าควักลูกอัณฑะออกนอกจากจะสร้างเชื้ออสุจิได้แล้ว ยังสร้างฮอร์โมนเพศไม่ได้ด้วย ผลก็คือทำให้ไม่มีอารมณ์เพศหรือไม่มีเรี่ยวแรงดังกล่าวข้างต้นได้


การควักลูกอัณฑะออกไม่มีหมอคนหนเขาทำกันหรอกครับ ที่ผมเห็นก็มีแต่ในหนังจีนกำลังภายในที่กษัตริย์จับผู้ชายที่รับใช้ในวังมาควักลูกอัณฑะออกจะได้ไม่มีอารมณ์เพศไปจีบนางสนมในวัง การทำแบบนี้เรียกว่า การตอน เหมือนตอนหมูครับ ไม่ใช่ทำหมัน



  • ผู้หญิง..กับระบบสืบพันธ์ของฉัน








ผู้หญิงมีรังไข่ซึ่งทำหน้าที่สร้างไข่ และฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อว่า เอสโตรเจน (estrogen) และ โปรเจสเตอโรน (progesterone) เนื่องจากรังไข่ทนความร้อนได้ดีกว่าลูกอัณฑะจึงอยู่ในช่องท้องได้ ลองนึกภาพดู ถ้ารังไข่ของผู้หญิงต้องมาห้อยอยู่นอกช่องท้องมันจะอยู่ตรงไหนดีนะ ใครมีข้อแนะนำดีๆ ลองแนะนำมาที่รักลูกก็ดีครับ คำตอบของใครเก๋ที่สุดผมจะขอร้องทีมงานรักลูกให้แจกรางวัลครับ


ฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดที่สร้างรังไข่มีหน้าที่หลายอย่างคือเอสโตรเจนจะทำหน้าที่ในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเด็กหญิงให้มีเต้านมและประจำเดือน ส่วนโปรเจสเตอโรนจะทำหน้าที่เตรียมมดลูกเพื่อรองรับการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสมแล้ว ถ้าหญิงนั้นมีการตั้งครรภ์



ในแต่ละเดือนรังไข่เพียง 1 ฟองเท่านั้น ไม่สร้างมากมายและเสียของเหมือนลูกอัณฑะสร้างอสุจิครับไข่ที่สร้างออกมาจะเดินทางเข้าสู่มดลูกผ่านทาง ท่อนำไข่แล้วไปผสมกับเชื้ออสุจิในท่อนำไข่ จากนั้น ไข่ที่ถูกผสมแล้ว ก็จะเดินทางไปฝังตัวที่ เยื่อบุมดลูก ในมดลูก แล้วเจริญเป็นตัวเด็กออกไป



  • หมันของฉันทำอย่างไรนะ?


ด้วยหลักการเดียวกับหมันชาย ก็คือไข่จะไปผสมกับเชื้ออสุจิได้จะต้องเดินผ่านทางท่อนำไข่ ถ้าเราตัดท่อนำไข่ให้ขาดจากกัน ไข่ก็จะเดินทางไปผสมกับอสุจิไม่ได้ เมื่อมีเพศสัมพันธ์ก็จะไม่ท้อง


โดยหมอจะเปิดแผลเล็กๆ บริเวณใต้สะดือแล้วเข้าไปตัดท่อนำไข่ให้ขาดออกจากกัน ซึ่งโดยปกติใช้เวลาไม่นานนักประมาณ 15 - 20 นาทีเท่านั้น


การทำหมันหญิงต่างจากหมันชายเล็กน้อย ตรงที่ว่าคุณผู้ชายจะทำหมันเมื่อไรก็ได้ แต่สำหรับผู้หญิงหมอมักจะแนะนำให้ทำหลังคลอดทันที เพราะภายหลังคลอดใหม่ๆ มดลูกยังมีขนาดใหญ่และตำแหน่งของท่อนำไข่จะอยู่ค่อนข้างสูง ใกล้สะดือ ทำให้หาท่อนำไข่ง่าย การทำหมันแบบนี้บางคนเรียกว่า หมันหลังคลอด บางคนเรียกว่า หมันเปียก ครับ


ผู้หญิงบางคนภายหลังคลอดยังไม่อยากทำหมัน ขอคุมด้วยวิธีชั่วคราวไปก่อน จนวันหนึ่งรู้สึกว่าอยากทำหมันแล้วจึงมาทำ การทำหมันในช่วงที่ไม่เกี่ยวกับการคลอดนี้เราเรียกว่า หมันแห้ง ซึ่งจะทำยากกว่าหมันเปียกอยู่บ้าง เพราะมดลูกมักมีขนาดเล็ก ท่อนำไข่หายาก ส่วนมากจำเป็นต้องดมยาสลบเวลาทำหมันด้วย


เช่นเดียวกับการทำหมันชาย การทำหมันหญิงคือการตัดตัดท่อนำไข่ให้ออกจากกันเท่านั้น ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกบรังไข่ซึ่งเป็นตัวสร้างฮอร์โมนเลย อารมณ์เพศของผู้หญิงขึ้นกับฮอร์โมนจากรังไข่ ดังนั้นผู้หญิงที่ทำหมันจึงยังคงมีอารมณ์เพศตามปกติ



  • อารมณ์ปอดแหก


จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม พบว่าเวลาให้เลือกว่าใครจะทำหมัน ส่วนมากผู้ชายจะปอดแหกมากกว่า เวลาพาเมียมาฝากท้องก็สัญญิงสัญญาเป็นมั่นเหมาะ ว่าจะช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของเมียเวลาคลอดโดยจะทำหมันเอง แต่พอเอาเข้าจริงๆ 10 รายเหลือไม่ถึง 2 รายที่ทำตามสัญญาส่วนมากเบี้ยวหมด เพราะฉะนั้นอยากแนะนำภรรยาทั้งหลายให้จับสามีมาเซ็นสัญญาไปเลยว่าถ้าเบี้ยวจะเจอดี ส่วนจะเจออะไรไปตกลงกันเองก็แล้วกัน หมอไม่เกี่ยว


ผมขอย้ำ ณ ที่นี้อีกครั้งนะครับว่าการทำหมันเป็นเพียงการตัดท่อนำอสุจิหรือตัดรังไข่ให้ขาดจากกันเท่านั้น ดังนั้นสารพัดความเชื่อหรือความกลัวซึ่งส่วนใหญ่มักจะเชื่อไปในทางที่ไม่ดีกับตัวเอง เช่น กลัวนกเขาจะไม่ขัน กลัวไม่มีแรงทำงาน กลัวอ้วนไปผอมไป จึงเป็นความเชื่อเหล่านี้ที่เหลวไหลครับ ลองคิดดูสิครับในโลกนี้มีคนทำหมันไปไม่รู้กี่ร้อยล้านคนแล้ว ถ้าความเชื่อข้างต้นเป็นความจริงโลกเราคงเงียบเป็นป่าช้าเพราะไม่มีนกเขามาขันอีกแล้ว ไอ้ที่มีปัญหานกเขาไม่ขันจริงๆ พอหมอตรวจอย่างละเอียด ส่วนมากพบว่าเป็นเรื่องของจิตใจของแต่ละคนมากกว่า บางคนที่ว่านกเขาไม่ขันทำไมเวลาเจอคนอื่นที่ไม่ใช่เมียตัวเองกลับขันได้ขันดีนักก็ไม่รู้

คุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน..ได้ผล แต่มีผลข้างเคียง


คนบางคนเวลาจะร่วมเพศก็ไม่ได้มีการวางแผนที่ดีไว้ก่อนเลย คือไม่ได้คุมกำเนิดให้เป็นเรื่องเป็นราว บางคนก็ไม่ได้คิดว่าจะร่วมเพศ แต่อารมณ์มันพาไปยั้งไม่อยู่ การร่วมเพศแบบไม่ได้มีวางแผนที่จะคุมกำเนิดให้ดีเสียก่อนจึงเสี่ยงที่จะท้องได้ แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี


การคุมกำเนิดในเหตุการณ์เช่นนี้น่าปวดหัวไม่น้อยเพราะเชื้ออสุจิวิ่งเข้าไปแล้วโอกาสที่จะผสมกับไข่ก็มีได้ค่อนข้างมากไอ้ที่จะห้ามมันผสมก็คงไม่ทันการณ์แล้วละครับ เหลืออีกทางเดียวก็คือ ถึงมันจะผสมกันได้ก็อย่ายอมให้มันมาฝังตัวที่โพรงมดลูก วิธีการทำดังกล่าวเรียกว่า การคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือ การคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน


การคุมกำเนิดแบบนี้ทำได้ 2 วิธี วิธียอดฮิตก็คือ ซื้อยาคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์มากิน หรือใส่ห่วงอนามัยอย่างรีบด่วน



  • ยาคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์


ความจริงที่ใช้ยากินหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ทำมาจากฮอร์โมนเช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดปกติ เพียงแต่ปริมาณฮอร์โมนที่ใส่ค่อนข้างสูงมาก สูงกว่ากันเป็นสิบๆ เท่าเลย ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ผนังมดลูกไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน


ผลข้างเคียงการกินยาขนาดสูงก็จะมีมากตามไปด้วยบางคนอาเจียนจนโทรม บางคนปวดหัวมาก บางคนอาจมีเลือดออกมากผิดปกติ ในต่างประเทศมีคนตายจากการกินยาชนิดนี้ เพราะเกิดลิ่มเลือดไปอุดหลอดเลือดในปอดเมืองไทยเรายังไม่เคยเจอ แต่อย่าประมาทนะครับ


การกินยาคุมชนิดนี้ต้องรับกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังร่วมเพศ ส่วนจะกินมากน้อยแค่ไหนยังขึ้นกับยาแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อด้วย ซึ่งไม่อยากแจกแจงตรงนี้เพราะรายละเอียดมากเดี๋ยวจะเบื่อ


อ่านดูแล้วจะเห็นว่าการคุมกำเนิดชนิดนี้อันตรายนะครับเพราะฉะนั้นบรรดาวัยรุ่นทั้งหลายที่ชอบซื้อยาคุมหลังร่วมเพศมากินเหมือนกินขนม ให้ระวังไว้ด้วยนะครับ เพราะยังอยากจะมีเพศสัมพันธ์อยู่ก็คุมกำเนิดให้ถูกวิธีและเป็นเรื่องเป็นราวจะดีกว่าครับ



  • ใส่ห่วงอนามัยอย่างรีบด่วน


การใส่ห่วงอนามัยเพื่อคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ จะต้องรีบใส่โดยเร็ว ไม่ควรเกิน 4 - 5 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ ห่วงอนามัยที่ใช้ควรเลือกที่มีสารพวกทองแดงเคลือบด้วย จะได้มีประสิทธิผลในการป้องกันการท้องได้มากขึ้น


การใส่ห่วงในลักษณะเช่นนี้มักจะใส่ยากกว่าการใส่ห่วงตามปกติ ซึ่งหมอมักจะใส่ให้ตอนมีประจำเดือน เพราะช่วงนั้นปากมดลูกเปิด ใส่ห่วงได้ง่าย แต่การใส่ห่วงแบบฉุกเฉินส่วนมากมักจะใส่ในคนที่ยังไม่มีประจำเดือน เพราะส่วนมากคนเรามักไม่ค่อยอยากจะฝ่าไฟแดงตอนร่วมเพศหรอกครับซึ่งช่วงที่ไม่มีประจำเดือนนั้นปากมดลูกจะปิด เวลาใส่ห่วงจึงเจ็บได้มากกว่า ยิ่งถ้าใส่ในคนที่ไม่เคยคลอดลูกมาก่อนยิ่งใส่ยากเข้าไปอีก ใส่ไม่ดีอาจทะลุเข้าไปในผนังมดลูกหรือช่องท้อง ได้ฟังแล้วเสียวไส้ไหมครับ กรณีแบบนี้มักประสบพบเจอในวัยรุ่นที่เพิ่างจะลองมีเพศสัมพันธ์ซะด้วยซิ


ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขสนุกสนานเบิกบานใจกับการร่วมเพศโดยไม่ท้องนะครับ.


(update 6 มิถุนายน 2006)
[ ที่มา..นิตยสารรักลูก ปีที่ 23 ฉบับที่ 269 มิถุนายน 2548 ]

ไม่มีความคิดเห็น: